เว็บไซต์ถือว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างมากในทางการตลาด เปรียบเสมือนกับการทำสำนักงานใหญ่ที่มีโชว์รูมอยู่ในอินเทอร์เนตนั้นเอง ซึ่งเหมือนกับการทำตึกสำนักงาน เว็บไซต์ที่ดีก็ต้องคิดมาจากรากฐานที่ดี มีการวางระบบต่าง ๆ เพื่อทำให้สามารถรองรับการเข้ามาเยี่ยมชมและให้ข้อมูล นอกจากนี้ยังต้องคิดถึงชื่อที่ดีที่จะทำให้คนนั้นค้นหาได้ จนถึงจบการขายให้กับผู้บริโภคหรือคนทั่วไปที่เข้ามาสนใจในเว็บไซต์
ทั้งนี้ในการทำเว็บไซต์ในปัจจุบันมีเรื่องต้องคำนึงถึงอย่างมากมายในการที่จะสร้างเว็บไซต์ให้มีประสบการที่ดีขึ้นมา สิ่งหนึ่งที่จะเป็นส่วนสำคัญในการรับคนเข้ามาเว็บไซต์คือหน้า Landing Page ที่จะเป็นเสมือนประตูสู่หน้าหลักหรือหน้าอื่น ๆ ของเว็บไซต์ขึ้นมา ทำให้การทำหน้า Landing Page นี้เปรียบได้กับการตกแต่งโชว์รูมให้มีความน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะถ้าทำดี ตกแต่งสวย ให้ประสบการณ์ที่ดี คนก็ย่อมเลือกที่จะอยู่นาน ๆ หรืออาจจะซื้อของเลยก็ได้ เช่นกันที่หน้า Landing Page นี้จะทำตัวเป็นความประทับใจแรกของผู้บริโภคที่จะเข้ามาเจอในเว็บไซต์ ซึ่งการทำ Landing Page ที่ดี ควรจะต้องประกอบด้วยส่วนประกอบ 7 ส่วนนี้ที่สำคัญ
1. Headline และ Sub Headline : เวลาไปเดินห้างหรือโชว์รูมสิ่งต่าง ๆ ที่จะทำให้สะดุดตานอกจากสินค้า การตกแต่งก็คือข้อความโฆษณาหรือโปรโมชั่นต่าง ๆ เช่น Sale สีแดง ๆ เช่นกันในการทำ Landing Page ที่ดีการมีหัวข้อเจ๋ง ๆ อ่านแล้วสะดุดน่าสนใจ ทำให้เกิดการอยากอ่านต่อได้อย่างทันที หรือจะใช้เวลากับในหน้านั้นได้ มองได้ว่าการมี Headline นี้เป็นการ Pitch เพื่อเรียกความสนใจในลูกค้าแบบนึง และเป็นความประทับใจแรกของ Landing Page เลยทีเดียว
2. ภาพหรือวิดีโอ : สมองของคนมนุษย์นั้นสามารถประมวลภาพได้อย่างเร็วอย่างมาก ทำให้การที่มีภาพหรือวิดีโอด้านใน ทำให้สามารถแสดงออกว่า Landing Page ของคุณกำลังอยากจะสื่อสารอะไรหรือมีตัวอย่างอะไรที่น่าดู น่าชมไหมออกมา พร้อมกับให้การสนับสนุนเนื้อหาหรือ Headline ที่คุณได้ระบุไว้ในขั้นต้นอีกด้วย ทั้งนี้รูปที่เลือกมา ควรเลือกรูปที่ความคมชัดสูง และถ่ายให้สวยงาม เพื่อเวลาดูแล้วจะมีความประทับใจและเกิดประสบการณ์ที่ดีกับรูปนั้น ๆ
3. โชว์ประโยชน์ที่จะได้ : เมื่อเวลาที่กลุ่มเป้าหมายเข้ามาในเว็บไซต์นั้น สิ่งหนึ่งที่กลุ่มเป้าหมายมองหาคือผลประโยชน์หรือสิ่งที่จะได้รับกลับมาจากการมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการนี้เอง ดังนั้นการที่มีผลประโยชน์หรือเหตุผลในการใช้งานสินค้าและบริการอย่าง ๆ ชัด จึงมีประโยชน์อย่างมากในการที่กลุ่มเป้าหมายจะไม่เสียเวลาในการหาข้อมูลเหล่านี้ ลองเอาข้อมูลเหล่านี้มาทำการเรียงเป็นหัวข้อต่าง ๆ กระชับ ได้ใจความ เพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจต่อได้ทันที
4. Call To Action : เมื่อเข้ามาในเว็บไซต์แล้วสิ่งที่จำเป็นอีกอย่างหนึ่งคือการมี Call To Action ที่ชัดเจนว่าอยากจะให้กลุ่มเป้าหมายทำอะไรต่อจากนี้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญในการทำ Landing Page ก็คือการที่ต้องเข้าใจว่าควรจะมีกี่ Call To Action ในหน้า Landing Page นั้น ซึ่งในปัจจุบันจะระบุว่าควรมีแค่ Call To Action เดียวใน Landing Page นั้นเพื่อกันความสับสนของกลุ่มเป้าหมายว่าอยากจะให้ทำอะไรใน Landing Page นั้นต่อไป
5. Social Proof : การมี Social Proof นั้นมีความสำคัญอีกแบบหนึ่งในการทำเว็บไซต์หรือ Landing Page เช่นกัน เพราะเป็นการให้ข้อมูลและการรับรองว่ามีคนสนใจหรือใช้สินค้าเหล่านี้ไปแล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง โดยจิตวิทยาผู้บริโภคนั้น มักจะเชื่อจากการที่สังคมนั้นมีการใช้งานเป็นหมู่มาก หรือเชื่อในการรับรองของคนอื่น ๆ รอบตัว ทำให้การมี Social Proof นี้จะทำการยืนยันหนักแน่นในจิตวิทยาของผู้บริโภคว่ายังมีอีกหลาย ๆ คนที่ใช้สินค้าและบริการนี้ ทำให้เกิดความน่าเชื่อถืออย่างมากมาย
6. Description : เมื่อทำหน้า Landing Page ขึ้นมา หลังจากที่กลุ่มเป้าหมายได้อ่านแบบผ่าน ๆ ในข้อมูลต่าง ๆ ที่มีในหน้านั้นแล้ว พฤติกรรมหนึ่งที่จะเกิดขึ้นต่อมาคือการหารายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อให้เกิดข้อมูลเพิ่มเติมในการตัดสินใจ ซึ่งทำให้การมีรายละเอียดต่าง ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ในการอธิบายสินค้าและบริการหรือขยายความเพิ่มเติมจากหัวข้อต่าง ๆ นั้นจะทำให้เกิดข้อมูลที่จะเป็นฐานที่จะทำให้เกิดความสนใจในการที่อยากจะรู้ข้อมูลที่ลึกขึ้นของผู้บริโภคได้ต่อไป
7. Link : สุดท้าย เรียกได้ว่าเป็นหน้าที่ของ Landing Page คือการต้องมี Link ต่าง ๆ ที่จะทำหน้าที่ส่งกลุ่มเป้าหมายไปยังหน้าอื่น ๆ ของเว็บไซต์ที่กลุ่มเป้าหมายสนใจต่อไป ทำให้เมื่อกลุ่มเป้าหมายต้องการข้อมูลในเชิงรายละเอียดลึก ๆ หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทาง Landing Page นี้ก็ควรมีข้อมูลเหล่านี้เอาไว้รองรับในการสื่อสารผ่านทางเว็บไซต์นี้ขึ้นมา หรือจะทำลิงก์แชร์ออกไปเพื่อให้เกิดข้อมูลยืนยันจาก 3rd party ต่าง ๆ ที่คุณได้เอาข้อมูลต่าง ๆ มาใช้ในการยืนยัน Content ของคุณ