SEM หรือ SEO เป็นเครื่องมือหนึ่งของการทำการตลาดออนไลน์ 2 คำนี้อาจมีลักษณะการเขียนที่คล้ายกัน แต่หลักการทำงาน และขั้นตอนต่างกันโดยสิ้นเชิง วัตถุประสงค์หลักคือการทำให้เว็บไซต์ Blog หรือเนื้อหาหน้าเว็บเพจของคุณ มีคนเข้ามาดูมากขึ้นนั้นเอง
ซึ่ง SEM และ SEO ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียในการทำการตลาดออนไลน์ด้วยกันทั้งคู่ เรามาดูกันดีกว่ามีอะไรบ้าง และแตกต่างกันอย่างไร?
SEM (Search Engine Marketing)
คือการทำการตลาดออนไลน์ผ่านเครื่องมือค้นหาบนอินเทอร์เน็ตอย่าง Search Advertising ซึ่งการทำให้หน้าเว็บของเราขึ้นมาบนหน้าแรกของ Search Engine สามารถทำได้ด้วยการซื้อพื้นที่สื่อโฆษณา โดยใช้วิธีการซื้อ keyword คำที่ต้องการให้ค้นหาสินค้าหรือบริการของเรา เทคนิคการซื้อ keyword ทำได้หลายวิธี แล้วแต่การกำหนดวัตถุประสงค์ในการซื้อโฆษณา เสียค่าใช้จ่ายในลักษณะของ PPC (Pay Per Click) ซึ่งจะจ่ายเงินก็ต่อเมื่อมีผู้คนคลิกเว็บไซต์ของเราที่ทำการโฆษณาเท่านั้น และเครื่องมือที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในการซื้อ SEM นั่นคือ Google Ads
ข้อดี
1. สามารถทำได้ทันที ไม่ต้องใช้เวลาเตรียมการที่ยาวนาน
2. การปรับเพิ่ม Keyword สามารถทำได้ตลอดเวลาตามที่เราต้องการ
3. แม้มีเว็บเพจเพียงหน้าเดียวก็สามารถทำได้
4. เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างตรงจุดและรวดเร็ว
5. สามารถวัดผลออกมาเป็นข้อมูล เพื่อนำไปวิเคราะห์ยอดต่อได้
6. เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว
ข้อเสีย
1. ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการประมูล เว็บไซต์จึงจะติดอันดับ
2. เสียเงินทุกครั้งเมื่อมีคนคลิกเข้ามาดูในเว็บไซต์
3. ราคาของการโฆษณาไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับกระแสการแข่งขัน
SEO (Search Engine Optimization)
คือการทำการตลาดออนไลน์ ด้วยการใช้เทคนิคเพื่อให้เว็บไซต์ เว็บเพจ หรือร้านค้าออนไลน์ของคุณขึ้นไปอยู่บนหน้าแรกหรือในอันดับต้นๆ ของเว็บ Search engine ยอดนิยม เพื่อช่วยดึงผู้คนให้เข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น ทั้งนี้การทำให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น ต้องอาศัยการใช้คีย์เวิร์ดและเนื้อหาที่ดี ที่จะส่งผลให้ Bot ของ Search Engine วิ่งเข้ามาเก็บข้อมูลบ่อย และช่วยให้เว็บติดอันดับแรกๆ นั่นเอง
ข้อดี
1. สามารถทำเองได้ จึงมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า SEM
2. ช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
3. ช่วยสร้างลูกค้าใหม่ได้ตรงกับเป้าหมายที่วางไว้
4. ช่วยสร้างคอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
5. เมื่อติดอันดับแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
6. ได้รับโอกาสในการแข่งขันที่สูงกว่าธุรกิจประเภทเดียวกัน\
7. มีโอกาสที่จะติดอันดับได้นานกว่า หากมีคอนเทนต์ที่เจ๋งพอ
ข้อเสีย
1. ใช้เวลานานกว่าแบบแรกในการขึ้นไปติดอันดับต้นๆ รวมถึงอับดับการแสดงผลไม่แน่นอน
2. ต้องติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆ ของ Search Engine อยู่เสมอ และต้องอาศัยทักษะและความเชี่ยวชาญ
3. คีย์เวิร์ดที่นำมาใช้ทำต่อ 1 หน้าเว็บเพจ จะจำกัดแค่ 2-5 คำเท่านั้น
ทั้ง SEM และ SEO ต่างมีเป้าหมายเดียวกัน คือการทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับต้นๆ หรือหน้าแรกในเว็บ Search engine เมื่อลูกค้าได้ทำการค้นหาโดยใช้คีย์เวิร์ดที่เราได้กำหนดไว้นั่นเอง